"กรดไหลย้อน" ต่างกับ "โรคกระเพาะ" อย่างไร

โรคกรดไหลย้อน...กับอาการที่บ่งบอก

*ท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย มีลมในกระเพาะ มักเป็นหลังทานอาหารเสร็จ

*หายใจไม่ทั่วท้อง เหนื่อยง่าย หอบ

*แสบร้อนกลางอก จนถึงลิ้นปี่ ตึงบ่าไหล่ เป็นประจำ

*เรอ ผายลม แต่ไม่สุด เหมือนมีอะไรจุกอยู่ที่คอ

*มึนหัว วิงเวียน แสบคอ ไอ ระบบขับถ่ายไม่ปกติ

*ชาตามปลายมือ เท้า มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน

สาเหตุของกรดไหลย้อน เกิดจากภาวะกรดในกระเพาะที่มีมากเกินไป ธาตุวาโยในกระเพาะกำเริบ จนถึงพิการ หูรูดหลอดอาหารส่วนล่างอักเสบ หย่อนยาน ทำให้กรดไหลย้อนขึ้นมากลางอก ถึงลำคอ ทำให้เกิดอาการระคายคอ ไอ นอกจากนั้นยังทำให้กระเพาะอาหารไม่สามารถดูดซึมวิตามินบี ไปเลี้ยงร่างกายได้มากนัก ทำให้เกิดอาการ มึน ชา ได้

โรคกระเพาะอาหาร.....กับอาการที่บ่งบอก

*มีอาการปวดท้องเรื้อรัง บริเวณใต้ลิ้นปี่ 

*เป็นๆหายๆ เกิดไม่เป็นเวลา อาจเกิดก่อน หรือ หลังทานอาหารได้

*ปวด แสบ ท้อง จุกแน่น คลื่นไส้ เรอเปรี้ยว

*อาจมีอาการท้องเสีย และมีการติดเชื้อในกระเพาะอาหาร และลำไส้

สาเหตุของโรคกระเพาะอาหาร  เกิดจากกรดในกระเพาะอาหารเช่นกัน และเป็นสาเหตุทำให้เกิดแผลในเยื่อบุกระเพาะอาหาร และมักมีการติดเชื้อ  เอสไพโลไร แบบเรื้อรัง ซึ่งเชื้อนี้เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดมะเร็ง เชื้อแบคทีเรียนี้ อาจเกิดจากการรับประทานอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ และมีการถ่ายทอดจากคนสู่คนได้

การรักษาโรค กรดไหลย้อน และโรคกระเพาะอาหาร

จึงมุ่งไปในทิศทางเดียวกัน คือการลดกรด ขับลม ปรับสมดุลธาตุวาโย และฟื้นฟูระบบขับถ่ายให้ปกติ แต่โรคกระเพาะอาหาร จะต้องได้รับการตรวจหาเชื้อ เอลไพโลไร เพื่อรับยาฆ่าเชื้อดังกล่าวตามที่แพทย์เห็นสมควร

การรับประทานยา ร่วมกับการปรับพฤติกรรมการกิน ได้แก่

-รับประทานยาต่อเนื่องอย่างเคร่งครัด เพื่อรักษาอาการให้กลับสู่ปกติโดยเร็ว

-รับประทานอาหารให้ตรงเวลา เคี้ยวให้ละเอียด ในปริมาณที่พอดี ไม่มากเกินไป

-งดบุหรี่ แอลกอฮอล์ ชา กาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง น้ำอัดลม

-หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด ของทอด หมัก ดอง

-รับประทานอาหารที่ถูก สุขอนามัย สะอาด ปลอดภัย

-หยุดความเครียด กังวล พักผ่อนและออกกำลัง ให้เพียงพอ

-ควบคุมน้ำหนัก ไม่ให้อ้วนเกินมาตรฐาน